วัยรุ่นและคนหนุ่มสาวมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกอาจมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน การศึกษาทบทวนใหม่ชี้ให้เห็น
วัยรุ่นและคนหนุ่มสาวมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกอาจมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน การศึกษาทบทวนใหม่ชี้ให้เห็น
“ผลการวิจัยเหล่านี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินนโยบายที่เน้นนิสัยการฟังอย่างปลอดภัยทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการป้องกันการสูญเสียการได้ยิน” นักวิจัยเขียนในการศึกษาของพวกเขา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารBMJ Global Health เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน(เปิดในแท็บใหม่).
ความเสี่ยงของคนที่จะสูญเสียการได้ยินจากการได้ยินเสียงนั้นขึ้นอยู่กับความดังและระยะเวลาที่ได้ยิน แม้แต่เสียงที่ดังมากเพียงเสียงเดียวก็สามารถทำให้สูญเสียการได้ยินได้ แต่บ่อยครั้งที่การสูญเสียการได้ยินเกิดขึ้นจากการเปิดรับเสียงดังซ้ำๆ ตลอดเวลาตามข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)(เปิดในแท็บใหม่). โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาวอาจมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน เนื่องจากพวกเขาใช้อุปกรณ์การฟังส่วนตัว เช่น โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเสียงแบบพกพา และเนื่องจากการเข้าร่วมงานที่มีเสียงดังในสถานบันเทิง นักวิจัยกล่าว
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า เมื่อใช้อุปกรณ์การฟังส่วนตัว วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวมักเลือกระดับเสียงที่สูงถึง 105 เดซิเบล (db) และเสียงเฉลี่ยในสถานบันเทิงสามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ 104 ถึง 112 เดซิเบล นักวิจัยกล่าว ซึ่งสูงกว่าระดับการฟังที่ปลอดภัย หรือระดับที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อการได้ยิน ซึ่งนักวิจัยกำหนดให้อยู่ที่ 80 เดซิเบล เป็นเวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน
(เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน การสนทนาปกติจะดังประมาณ 60 เดซิเบล เครื่องซักผ้าหรือเครื่องล้างจานจะดังประมาณ 70 เดซิเบล และเสียงการจราจรหนาแน่นที่คุณได้ยินจากภายในรถจะอยู่ที่ราว 80 ถึง 85 เดซิเบล ตามข้อมูลของ CDC)
ที่ระดับเดซิเบลที่สูงขึ้น ระยะเวลาที่บุคคลสามารถรับฟังเสียงรบกวนได้อย่างปลอดภัยจะสั้นลง ตัวอย่างเช่น ที่ระดับ 92 เดซิเบล ระยะเวลาของการรับฟังอย่างปลอดภัยคือ 2.5 ชั่วโมง ที่ระดับ 98 เดซิเบล ระยะเวลาของการฟังอย่างปลอดภัยคือ 38 นาที และที่ระดับ 101 เดซิเบล ระยะเวลาของการฟังอย่างปลอดภัยคือเพียง 19 นาที นักวิจัยกล่าว
ในการทบทวนครั้งใหม่นี้ นักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษา 33 ชิ้น ซึ่งรวมบุคคลทั้งหมด 19,046 คนที่มีอายุตั้งแต่ 12 ถึง 34 ปีจาก 20 ประเทศ ประมาณครึ่งหนึ่งของการศึกษาเหล่านี้ตรวจสอบการใช้อุปกรณ์การฟังส่วนตัวของคนหนุ่มสาวและระดับเสียงที่พวกเขาชอบบนอุปกรณ์เหล่านี้ อีกครึ่งหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การเปิดรับเสียงในสถานบันเทิง
